Ampawa 22 Mar 10

เที่ยวชมสวนลิ้นจี่อัมพวา กำลังออกผลสวยน่ากิน เจ้าของสวนใจดีพาชมและอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย เจ้าของสวนเค้ามีปั้มน้ำมันอยู่ตรงข้ามสวนนี้  แถมมีเวลาว่างเยอะก็ยังทำกล้วยเบรกแตกขาย รสชาติอร่อยกรอบมันกินแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ ด้วย 

การปลูกลิ้นจี่ ต้องปลูกบนท้องร่อง และมีน้ำหล่อเลี้ยงกันแบบนี้


อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้ประชาชนทั่วไปได้ทำการสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่กอบกู้เอกราชของชาติ
   
วัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปี พ.ศ.2308 กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ จึงทรงสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า ค่ายบางกุ้ง กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามแม่น้ำแม่กลอง และบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ ค่ายบางกุ้งจึงแตก
หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310 ค่ายบางกุ้งก็กลายเป็นค่ายร้าง เมื่อ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สถาปนา กรุงธนบุรีแล้ว โปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้ง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า ค่ายจีนบางกุ้ง
ภายในบริเวณค่ายบางกุ้ง มีรูปปั้นคนชกมวยที่จัดแสดงท่าทางตามตำราแม่ไม้มวยไทยไว้ให้ชมและศึกษาและสามารถถ่ายรูปร่วมไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
วัดปรกโพธิ์  ที่ตั้งอยู่ที่ค่ายบางกุ้ง อ.บางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และถูกปล่อยให้รกร้างมานานเกือบ 200 ปี จนต้นโพธิ์ปกคลุมหลังคาวัดและรอบๆ วัดเกือบทั้งหมด ภายในวัดมีหลวงพ่อ นิลมณี หรือหลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ในวัด ทุกวันนี้และได้กลายมาเป็นโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ให้แก่คนรุ่นต่อๆ ไปได้มาเยี่ยมเยียนและเคารพสักการะบูชา

ด้านข้างซ้ายของวัดปรกโพธิ์ ที่ถูกต้นโพธิ์ปกคลุมโดยทั่ว เกือบมองไม่เห็นซากปูนเก่าของวัด
ด้านขวาของวัดปรกโพธิ์

 วัดอัมพวันเจติยาราม  อยู่ติดกับอุทยาน ร. 2 เป็นวัดของตระกูลราชินิกุลบางช้าง เชื่อกันว่าบริเวณพระปรางค์ของวัดอัมพวันฯ เดิมเป็นเรือนที่คุณนาค ใช้เป็นที่คลอดคุณฉิมบุตรชาย ซึ่งต่อมาได้เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต่อมา วัดอัมพวันฯ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันวัดอัมพวันเจติยารามเป็นพระอารามหลวงชั้นโท พระอุโบสถตลอดจนถาวรวัตถุ ส่วนใหญ่เป็นศิลปะ และสถาปัตยกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ใครชอบปลาทู ต้องอ่าน ที่ website นี้ http://www.maeklongtoday.com/article/plotoo2.php
ปลาทูเป็น 2 ชนิด คือ ปลาสั้น และปลายาวปลาสั้น หรือปลาทูแม่กลอง จะที่มีลักษณะหน้าเป็นสามเหลี่ยม ตัวสั้น แบน เนื้อเยอะ เนื้อนิ่มเวลากดลงไปที่ตัวปลาแล้ว เนื้อปลาจะกลับคืนสภาพเดิมไม่บุ๋มลงไปตามลอยแรงกด ปลาสั้นจะมีลำตัวสีเงิน หรือ อมเขียว ตาดำ
ปลายาว จะมีชื่อเรียกกันหลายชื่อ เช่น ปลารัง ปลายาว ปลาอินโด ซึ่งก็เป็นปลาชนิดเดียวกันทั้งหมด ลักษณะของปลายาว ตัวจะใหญ่และยาวกว่าปลาทูแม่กลองนี่เป็นข้อสังเกตง่ายๆ ที่จะเลือกซื้อปลา
สุดยอดปลาทู หน้างอ คอหัก ต้องปลาทูแม่กลอง อร่อยเป็นที่เรื่องลือ เมื่อมาถึงที่แล้วควรต้องซื้อกลับบ้านไปด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ร้านขายของด้านหน้าตลาด ก่อนเดินเข้าไปตลาดน้ำอัมพวา
ถนนเลียบนที
วันนี้ไม่ได้เดินข้ามสะพานไปฝั่งโน้น เพราะไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว วันนี้เลยขอแวะนั่งพักที่ร้านกาแฟหัวมุม คนแยะมากๆ
เดินชมร้านค้าต่างๆ ที่อยู่เรียงขนานไปกับคลองอัมพวา ไปนั่งพักกิน ลอดช่อง กับลูกชิ้นปิ้ง ก็อร่อยพอใช้ได้
วิถีชีวิตชาวตลาดน้ำ อัมพวา ยังคงมีให้เห็น พ่อค้า แม่ขายพายเรือ ขายของขายอาหาร ซึ่งต้องอาศัยนักท่องเที่ยวช่วยกันอุดหนุน เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชม ถ้าใครทำอร่อย ก็หยิบขายแทบไม่ทัน

บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ใกล้ๆ ตลาดน้ำอัมพวา ยามน้ำไม่ท่วม ก็น่าอยู่อาศัยมากๆ แต่ถ้าถึงหน้าน้ำมามากๆ ก็คงแย่เหมือนกัน 
คุณยายสูงอายุ ก็ยังแข็งแรงแข็งขัน พายเรือมาขายดอกไม้ และมะพร้าวอ่อนด้วย
ก่อนกลับ แวะร้านชานชาลา มีน้ำผลไม้ ชา กาแฟ ขนมหวานขาย เดินมาเหนื่อย ได้นั่งพักสบายนักแล
ชาวตลาดน้ำอัมพวา ยังคงรักษาวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตแบบพื้นบ้านเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม
จะเดินสนุกต้องไปตอนบ่ายๆ เพราะแดดจะไม่ร้อนมาก
ยิ่งตอนแดดร่มลมตก อากาศจะเย็นสบาย มีไฟเปิดสว่างไสวไปทั่วทั้งสองฝั่งคลอง
 ตลาดจะวายก็ประมาณสัก 2 ทุ่ม  ใครยังไม่ได้ไป ก็ไปก็ไปซะ
สวัสดี อัมพวา

No comments:

Post a Comment